- เข้าร่วม
- 15 มิ.ย. 2024
- ข้อความ
- 415
ช่วงนี้อะไรก็ดูไม่เป็นใจไปเสียหมดสำหรับ แฮร์รี่ เคน เมื่อล่าสุดโดนดาวยิงรุ่นพี่ทีมชาติอังกฤษ อย่าง แกรี่ ลินิเกอร์ แนะนำให้ประกาศอำลาทีมชาติไปได้แล้ว โดยเหตุมาจากฟอร์มการเล่นที่เริ่มฝืดลงใน ยูโร 2024 ประกอบกับการโชว์ฟอร์มไม่ออกในเกมการเล่นนัดสำคัญ จนทำให้ ลินิเกอร์ มองว่า เคน ควรถอยออกมาเพื่อเปิดทางให้กองหน้ารุ่นใหม่ได้รับโอกาสบ้าง "สำหรับผม การจะมองไปในอนาคตก็ต้องย้อนดูอดีตด้วยว่า อังกฤษ ฟอร์มเป็นยังไง และ แฮร์รี่ เคน ทำอะไรได้บ้าง เขาดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิดในทัวร์นาเม้นต์นี้ เขาอายุเลย 30 แล้ว และตอนที่ผมอายุ 30 ย่างเข้า 31 ขาของผมก็เริ่มไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมเลิกเล่นทีมชาติตอนอายุ 32 ซึ่งตอนอายุ 31 ผมเริ่มรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว มันแย่มาก บางทีเขาอาจจะแค่เหนื่อยล้าหรือกำลังมีอะไรรบกวนเขาอยู่ มันอาจจะไม่ใช่ว่าเขาแก่เกินไปแล้วก็ได้ แต่ผมก็สงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ ผมคิดว่า เซาธ์เกต คือคนที่เหมาะสมที่จะปลุกความสามัคคีของทุกคนในชาติให้เกิดขึ้น แต่ในตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องเอาโค้ชสมัยใหม่และเน้นเกมรุกเข้ามาทำทีม เพราะส่วนตัวผมคิดว่าการเอาแต่เล่นเกมรับจะไม่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน"
หลังพ่ายแพ้ สเปน ใน ยูโร 2024 แน่นอนว่าพลพรรคทีมชาติอังกฤษยังคงต้องเจอมรสุมคำวิจารณ์อย่างหนักไปอีกสักพัก ส่วนทางด้าน แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องอนาคตของตนเองกับทีมชาติอังกฤษในเวลานี้ แม้ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษจะยังให้ไฟเขียวได้คุมทีมต่อจนถึงฟุตบอลโลก 2026 ก็ตาม
หลังพ่ายแพ้ สเปน ใน ยูโร 2024 แน่นอนว่าพลพรรคทีมชาติอังกฤษยังคงต้องเจอมรสุมคำวิจารณ์อย่างหนักไปอีกสักพัก ส่วนทางด้าน แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องอนาคตของตนเองกับทีมชาติอังกฤษในเวลานี้ แม้ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษจะยังให้ไฟเขียวได้คุมทีมต่อจนถึงฟุตบอลโลก 2026 ก็ตาม
เอฟเอ เตรียมตัดสินใจอนาคตของการคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต
แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเขาหลังจากพาพลพรรค “สิงโตคำราม” พ่ายแพ้ต่อ สเปน ด้วยสกอร์ 1-2 ในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 ที่กรุงเบอร์ลินเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เทรนเนอร์ วัย 53 ปีเข้ามาคุมทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ปี 2016 แต่สัญญาปัจจุบันของเจ้าตัวจะหมดลงในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยหลังจากไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ สื่อหลายสำนักเริ่มประโคมข่าวว่า สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ อาจตัดสินใจเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอีกไม่นานนี้ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับอนาคต เซาธ์เกต บอกกับ “BBC” สื่อชั้นนำว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ผมจำเป็นต้องพูดคุยกับคนที่เหมาะสม และให้เวลากับตัวเองสักหน่อย การได้เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งถือเป็นโอกาสพิเศษ แต่การไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับในเวลานี้” ภายใต้การคุมทีมของ เซาธ์เกต นั้น อังกฤษ เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของ ยูโร ติดต่อกันได้ 2 ครั้ง โดยหนแรกพ่ายจุดโทษต่อ อิตาลี และเคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลกปี 2018 และรอบแปดทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลกปี 2022 อย่างไรก็ตาม เซาธ์เกต ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากศึก ยูโร หนนี้ แม้ว่า จะพาทีมเข้ามาถึงรอบชิงฯ ก็ตาม โดยแฟนบอล “สิงโตคำราม” มองว่า ทีมมีฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีนัก และเน้นเกมรับมากจนเกินไป ขณะเดียวกัน บรรดานักวิเคราะห์ และ อดีตนักเตะหลายคนก็โจมตีการทำงานของ เซาธ์เกต อย่างดุเดือด ซึ่งมีบางส่วนเรียร้องให้ เอฟเอ เลือกกุนซือคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน แต่ตอนนี้ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ และมีข่าวลือว่าสมาคมฟุตบอลเมืองผู้ดียังคงอยากให้ โค้ชวัย 53 ปี อยู่ในตำแหน่งต่อไป เซาธ์เกต กล่าวหลังเกมว่า “นักเตะจะได้รับเครดิตมหาศาลหากสามารถพาเราบรรลุเป้าหมาย แต่เมื่อคุณเข้าใกล้ขนาดนั้น คุณจะต้องใช้โอกาสที่มีให้คุ้มค่าที่สุด พวกเขาเป็นตัวแทนของคนทั้งชาติด้วยความภาคภูมิใจ และที่สำคัญคือเราไม่เคยแพ้ใครเลยจนมาถึงนัดชิงฯ ผมแค่คิดว่า สเปน คุมเกมได้มากกว่าเรา แต่เราก็อยู่ในจุดที่ดีจริงๆ ในแง่ของประสบการณ์ที่พวกเขา (นักเตะ) มี ทีมชุดนี้ส่วนใหญ่จะไปเล่นฟุตบอลโลกครั้งต่อไปแน่นอน และบางทีอาจจะเป็น ยูโร ครั้งต่อไปด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องตั้งตารอ แต่ในตอนนี้เรายังคงอยู่ในช่วงเวลาแห่งความผิดหวัง” ขณะเดียวกัน เซาท์เกต ยอมรับว่ามันยากที่จะพิจารณาผลงานตลอด 8 ปีที่เขาคุมทีม แต่ก็ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าอังกฤษชุดนี้แข็งแกร่งมากพอที่จะประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์สำคัญ ๆ ได้ในอนาคตเซาท์เกต กล่าวทิ้งท้ายว่า “แน่นอนว่าการพาอังกฤษเข้าชิงฯ ยูโร 2 ครั้ง มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่เรามาที่นี่เพื่อชัยชนะ และเราทำไม่สำเร็จ อังกฤษ มีนักเตะที่ยอดเยี่ยมอยู่หลายคน เรากลับมาสู่เกมที่สำคัญที่สุดได้อีกครั้ง มันเหลืออีกเพียงก้าวสุดท้ายเท่านั้น แต่เรากลับทำพลาดไป”
แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเขาหลังจากพาพลพรรค “สิงโตคำราม” พ่ายแพ้ต่อ สเปน ด้วยสกอร์ 1-2 ในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 ที่กรุงเบอร์ลินเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เทรนเนอร์ วัย 53 ปีเข้ามาคุมทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ปี 2016 แต่สัญญาปัจจุบันของเจ้าตัวจะหมดลงในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยหลังจากไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ สื่อหลายสำนักเริ่มประโคมข่าวว่า สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ อาจตัดสินใจเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอีกไม่นานนี้ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับอนาคต เซาธ์เกต บอกกับ “BBC” สื่อชั้นนำว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ผมจำเป็นต้องพูดคุยกับคนที่เหมาะสม และให้เวลากับตัวเองสักหน่อย การได้เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งถือเป็นโอกาสพิเศษ แต่การไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับในเวลานี้” ภายใต้การคุมทีมของ เซาธ์เกต นั้น อังกฤษ เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของ ยูโร ติดต่อกันได้ 2 ครั้ง โดยหนแรกพ่ายจุดโทษต่อ อิตาลี และเคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลกปี 2018 และรอบแปดทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลกปี 2022 อย่างไรก็ตาม เซาธ์เกต ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากศึก ยูโร หนนี้ แม้ว่า จะพาทีมเข้ามาถึงรอบชิงฯ ก็ตาม โดยแฟนบอล “สิงโตคำราม” มองว่า ทีมมีฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีนัก และเน้นเกมรับมากจนเกินไป ขณะเดียวกัน บรรดานักวิเคราะห์ และ อดีตนักเตะหลายคนก็โจมตีการทำงานของ เซาธ์เกต อย่างดุเดือด ซึ่งมีบางส่วนเรียร้องให้ เอฟเอ เลือกกุนซือคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน แต่ตอนนี้ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ และมีข่าวลือว่าสมาคมฟุตบอลเมืองผู้ดียังคงอยากให้ โค้ชวัย 53 ปี อยู่ในตำแหน่งต่อไป เซาธ์เกต กล่าวหลังเกมว่า “นักเตะจะได้รับเครดิตมหาศาลหากสามารถพาเราบรรลุเป้าหมาย แต่เมื่อคุณเข้าใกล้ขนาดนั้น คุณจะต้องใช้โอกาสที่มีให้คุ้มค่าที่สุด พวกเขาเป็นตัวแทนของคนทั้งชาติด้วยความภาคภูมิใจ และที่สำคัญคือเราไม่เคยแพ้ใครเลยจนมาถึงนัดชิงฯ ผมแค่คิดว่า สเปน คุมเกมได้มากกว่าเรา แต่เราก็อยู่ในจุดที่ดีจริงๆ ในแง่ของประสบการณ์ที่พวกเขา (นักเตะ) มี ทีมชุดนี้ส่วนใหญ่จะไปเล่นฟุตบอลโลกครั้งต่อไปแน่นอน และบางทีอาจจะเป็น ยูโร ครั้งต่อไปด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องตั้งตารอ แต่ในตอนนี้เรายังคงอยู่ในช่วงเวลาแห่งความผิดหวัง” ขณะเดียวกัน เซาท์เกต ยอมรับว่ามันยากที่จะพิจารณาผลงานตลอด 8 ปีที่เขาคุมทีม แต่ก็ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าอังกฤษชุดนี้แข็งแกร่งมากพอที่จะประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์สำคัญ ๆ ได้ในอนาคตเซาท์เกต กล่าวทิ้งท้ายว่า “แน่นอนว่าการพาอังกฤษเข้าชิงฯ ยูโร 2 ครั้ง มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่เรามาที่นี่เพื่อชัยชนะ และเราทำไม่สำเร็จ อังกฤษ มีนักเตะที่ยอดเยี่ยมอยู่หลายคน เรากลับมาสู่เกมที่สำคัญที่สุดได้อีกครั้ง มันเหลืออีกเพียงก้าวสุดท้ายเท่านั้น แต่เรากลับทำพลาดไป”
