ย้อนรอย “มาราคาน่า แดนใต้” กับ 26 ที่รอคอยของสงขลา ก่อนได้รับเลือกเป็นสังเวียน “คิงส์คัพ 67”

[Pepsinews]

​

เชียงใหม่ เชียงราย สงขลา 3 จังหวัดแคนดิเดต ในการลุ้นเป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 สุดท้าย เชียงใหม่ ที่รับเป็นเจ้าภาพ 2 ครั้งหลังสุด กับบ้านพี่เมืองน้องแดนเหนืออย่าง เชียงราย ต้องอกหักไป โดยเป็น สงขลา หนึ่งเดียวจากตัวแทนภาคใต้ ที่เข้าวินแบบที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ โดยมีหลายเหตุผลที่แฟนบอล รวมถึงคนวงการฟุตบอลอยากเห็นตัวแทนภาคใต้ได้รับสิทธิ์นี้ สนามติณสูลานนท์ เจ้าภาพสนามที่จัดแข่งขันในปีนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี หรือตั้งแต่ศึกฟุตบอลเอเชียน เกมส์ 1998 นัดชิงอันดับ 3 ที่พวกเขาได้เป็นเจ้าภาพ และหากนับเฉพาะตัวแทนภาคใต้ นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ต่อจากจังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับเป็นเจ้าภาพ ในศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 39 ถึงกระนั้นสนามแห่งนี้ก็เพิ่งเคยจัดการแข่งขันรายการระดับเอเชีย ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 23 เมื่อปี 2020 และก็ผ่านไปอย่างราบรื่น แถมได้รับคำชมกับสภาพสนาม บรรยากาศที่ยอดเยี่ยม รวมถึงแฟนบอลชาวใต้ ทั้งจังหวัดสงขลา รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่บ้าบอลแบบสุดๆ สำหรับสนามติณสูลานนท์ เคยมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ กับสถิติยอดผู้ชมสูงสุดที่ถูกบันทึกไว้ในวงการฟุตบอลไทยจนถึงปัจจุบัน โดยทัพ “วัวชนแดนใต้” สงขลา เอฟซี ภายใต้การคุมทัพของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ เปิดบ้านดวลกับ “นักรบลาวาเพลิง” บุรีรัมย์ เอฟซี ที่มีกุนซืออย่าง “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ คุมทัพอยู่ในเวลานั้น ด้วยยอดแฟนบอลเข้ามาชมเกมมากถึง 36,715 คน แม้จะเป็นเกมในลีกรองก็ตาม แฟนบอลชาวใต้เดินทางมาถึงสนามตั้งแต่ก่อนเวลาแข่ง 4 ชั่วโมง ภาพที่ออกมาเรียกเสียงฮือฮาสุดๆ โดนไปเปรียบเทียบกับ “มาราคาน่า” สนามในตำนานของบราซิล ที่มีฉายาว่า “ชามอ่างยักษ์” กับความจุราวๆ 8 หมื่นคน แม้ปัจจุบัน สนามติณสูลานนท์ จะปรับปรุงสนามทำให้มีความจุราวๆ 20,000 ที่นั่ง แต่แลกมาด้วยเก้าอี้ที่ติดตั้งอย่างดี ยกระดับมาตรฐานไปอีกขั้น ทว่าบรรยากาศสนามติดชายทะเล ยังคงสวยงามไม่เปลี่ยนแปลง​

​

สำหรับทีมที่มาร่วมโม่แข้งในศึก คิงส์คัพ ในปีนี้ประกอบด้วย 4 ทีมอย่าง

ทีมชาติไทย (เจ้าภาพ) อันดับ 101 ของโลก

ทีมชาติซีเรีย อันดับ 93 ของโลก

ทีมชาติทาจิกิสถาน อันดับ 103 ของโลก

ทีมชาติฟิลิปปินส์ อันดับ 147 ของโลก

โฉมหน้า 4 ทีมในศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ที่จะฟาดแข้งในปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ ระหว่างวันที่ 7-15 ตุลาคม 2567 เชื่อว่าเราจะได้เห็นผู้ชมเต็มสนาม ซึ่งถือเป็นภาพที่แฟนบอลชาวใต้เฝ้ารอคอยมาอย่างยาวนาน​