- เข้าร่วม
- 15 มิ.ย. 2024
- ข้อความ
- 415
ศึกยูโร 2024 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมามีลงทำการแข่งขันกัน 3 คู่โดยเป็นเกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ ระหว่าง เยอรมัน ที่พบกับ ฮังการี และ สกอตแลนด์ ที่พบกับ สวิตเซอร์แลนด์ ส่วนอีกหนึ่งคู่จาก กลุ่ม บี โดยเป็นเกมระหว่าง โครเอเชีย กับ อัลเบเนีย
โครเอเชีย 2-2 อัลเบเนีย
(ครามาริช 74 ยาซูลา [OG] 76 / ลาซี 11 ยาซูลา 90+5)
เกมที่ โวล์ฟสพาร์ค สตาดิโอน อัลเบเนีย ออกนำก่อนจาก คาซิม ลาซี ตั้งแต่นาทีที่ 11 หลังจากนั้น โครเอเชีย พยายามโหมบุกอย่างหนักและมาได้ 2 ประตูแซงนำในครึ่งหลังจาก อังเดร ครามาริช นาทีที่ 74 และ เคราส์ ยาซูลา ทำเข้าประตูตัวเองนาทีที่ 76 เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ โครเอเชีย แต่แล้วช่วงทดเจ็บ ยาซูลา คนเดิมมาแก้ตัวได้สำเร็จยิงตีเสมอช่วย อัลเบเนีย ยันเสมอไปได้แบบสุดมันส์ 2-2
เยอรมัน 2-0 ฮังการี
(มูเซียลา 22 กุนโดกัน 67)
เกมที่ สตุ๊ตการ์ท อารีนา เป็นเจ้าภาพเยอรมันที่ทำเกมได้ดีกว่าและออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 22 จาก จามาล มูเซียลา ก่อนที่ครึ่งหลัง อิลคาย กุนโดกัน จะมาบวกลูกสองให้ทีมในนาทีที่ 67 ก่อนจะจบ 90 นาทีเป็น อินทรีเหล็ก ที่คว้า 6 คะแนนเต็มจาก 2 เกมแรก
สกอตแลนด์ 1-1 สวิตเซอร์แลนด์
(แมคโทมิเนย์ 13 / ชากิรี 26)
เกมที่ โคโลญจน์ สเตเดี้ยม สกอตแลนด์ ออกนำเร็วจาก สกอตต์ แมคโทมิเนย์ ตั้งแต่นาทีที่ 13 หลังจากนั้น เซอร์ดาน ชากิรี มาตีลังกายิงสุดสวยช่วยพา สวิตเซอร์แลนด์ ตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 26 หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างพอจะมีโอกาสลุ้นเข้าทำอยู่บ้าง แต่ยังไม่เฉียบขาดพอ ทำให้จบเกมแบ่งแต้มกันไปในที่สุด
เยอรมันยังเดินหน้าเก็บชัยได้อย่างต่อเนื่อง
ภายหลังจากถล่ม สกอตแลนด์ มาถึง 5-1 หลายฝ่ายจึงคาดกันว่า เยอรมัน จะไม่ได้เจองานง่ายแบบนั้นจาก ฮังการี แม้ว่าในเกมแรก ฮังการี จะแพ้ สวิตเซอร์แลนด์ ค่อนข้างขาด 1-3 ก็ตาม ถือว่า ฮังการี สร้างอันตรายคุกคาม เยอรมัน ได้ตั้งแต่ไม่กี่สิบวินาทีแรกกับจังหวะบอลตกพื้นและเงื้อง่าราคาแพงไปนิดของ โยชัว คิมมิช จนโดน บาร์นาบาส วาร์ก้า โฉบบอลเข้าหาประตู ยังดีที่ มานูเอล นอยเออร์ ไม่หลับ โผออกไปตัดบอลได้อย่างฉับไวและยอดเยี่ยม แต่ว่าหลังจากนั้นเมื่อ เยอรมัน ตั้งหลักได้มันก็เป็นเกมที่ไม่ได้เหนือการคาดเดา และถึงแม้ว่า เยอรมัน จะต้องเจอ "กำแพงสีขาว" ตั้งรับ 3 ชั้นที่ มาร์โก รอสซี่ กุนซืออิตาเลียน ติดตั้งให้กับลูกทีมแม็กยาร์สำหรับเกมนี้ ชั้นแรก บรรดาตัวรุก 3 รายในแดนหน้า วิ่งไล่ค่อยเพรสซิ่งลูก ชั้นสอง แผงกลาง 4 ราย ตั้งแถวยืนหน้าแนวหลัง ชั้นสาม เซนเตอร์แบ็ก 3 คน ตั้งกำแพงแนวสุดท้ายก่อนถึงประตู อย่างไรก็ตาม วางเกมตั้งรับอุดเกมอยู่ได้ไม่นาน เยอรมัน ก็เจาะตาข่ายนำได้เร็วอีกแล้วในเพียงนาที 22 เท่านั้น อย่างที่ว่า เยอรมัน เจาะ ฮังการี เข้าได้เร็วแค่นาที 22 จังหวะ อิลคาย กุนโดกัน ตามไปเก็บลูกแล้วคืนมาให้ จามาล มูเซียล่า ส่องตาข่ายเข้าไป กระนั้นที่เป็นปัญหาติดค้างสงสัย คือจังหวะที่ กุนโดกัน เข้าหาบอล ก็ดูเหมือนว่าเขาจะชน วิลลี่ ออร์บาน จากข้างหลังจน ออร์บาน ล้มหน้าทิ่ม และเมื่อ มูเซียล่า ยิงเข้าไปได้แล้วก็มีการรีเช็คจาก VAR ว่าประตูนี้ฟาวล์หรือไม่ฟาวล์ ปรากฏข้อสรุปว่า "ไม่ฟาวล์" และเป็นประตูนำของเจ้าถิ่น 1-0 ว่าแต่ มันไม่ฟาวล์จริงๆ แน่หรือ? พื้นที่ตรงนี้ไม่มีคำตอบชัดเจน และอยากโยนคำถามไปให้คุณๆ แทนว่าประตูนี้...
ก.) ต้องฟาวล์ เป็นประตูไม่ได้เด็ดขาด
ข.) ไม่ฟาวล์หรอก เป็นประตูแหงอยู่แล้ว
ค.) ก็ "เจ้าภาพ" อ่ะครับ
ก็ว่ากันไป…
โครเอเชีย 2-2 อัลเบเนีย
(ครามาริช 74 ยาซูลา [OG] 76 / ลาซี 11 ยาซูลา 90+5)
เกมที่ โวล์ฟสพาร์ค สตาดิโอน อัลเบเนีย ออกนำก่อนจาก คาซิม ลาซี ตั้งแต่นาทีที่ 11 หลังจากนั้น โครเอเชีย พยายามโหมบุกอย่างหนักและมาได้ 2 ประตูแซงนำในครึ่งหลังจาก อังเดร ครามาริช นาทีที่ 74 และ เคราส์ ยาซูลา ทำเข้าประตูตัวเองนาทีที่ 76 เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ โครเอเชีย แต่แล้วช่วงทดเจ็บ ยาซูลา คนเดิมมาแก้ตัวได้สำเร็จยิงตีเสมอช่วย อัลเบเนีย ยันเสมอไปได้แบบสุดมันส์ 2-2
เยอรมัน 2-0 ฮังการี
(มูเซียลา 22 กุนโดกัน 67)
เกมที่ สตุ๊ตการ์ท อารีนา เป็นเจ้าภาพเยอรมันที่ทำเกมได้ดีกว่าและออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 22 จาก จามาล มูเซียลา ก่อนที่ครึ่งหลัง อิลคาย กุนโดกัน จะมาบวกลูกสองให้ทีมในนาทีที่ 67 ก่อนจะจบ 90 นาทีเป็น อินทรีเหล็ก ที่คว้า 6 คะแนนเต็มจาก 2 เกมแรก
สกอตแลนด์ 1-1 สวิตเซอร์แลนด์
(แมคโทมิเนย์ 13 / ชากิรี 26)
เกมที่ โคโลญจน์ สเตเดี้ยม สกอตแลนด์ ออกนำเร็วจาก สกอตต์ แมคโทมิเนย์ ตั้งแต่นาทีที่ 13 หลังจากนั้น เซอร์ดาน ชากิรี มาตีลังกายิงสุดสวยช่วยพา สวิตเซอร์แลนด์ ตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 26 หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างพอจะมีโอกาสลุ้นเข้าทำอยู่บ้าง แต่ยังไม่เฉียบขาดพอ ทำให้จบเกมแบ่งแต้มกันไปในที่สุด
เยอรมันยังเดินหน้าเก็บชัยได้อย่างต่อเนื่อง
ภายหลังจากถล่ม สกอตแลนด์ มาถึง 5-1 หลายฝ่ายจึงคาดกันว่า เยอรมัน จะไม่ได้เจองานง่ายแบบนั้นจาก ฮังการี แม้ว่าในเกมแรก ฮังการี จะแพ้ สวิตเซอร์แลนด์ ค่อนข้างขาด 1-3 ก็ตาม ถือว่า ฮังการี สร้างอันตรายคุกคาม เยอรมัน ได้ตั้งแต่ไม่กี่สิบวินาทีแรกกับจังหวะบอลตกพื้นและเงื้อง่าราคาแพงไปนิดของ โยชัว คิมมิช จนโดน บาร์นาบาส วาร์ก้า โฉบบอลเข้าหาประตู ยังดีที่ มานูเอล นอยเออร์ ไม่หลับ โผออกไปตัดบอลได้อย่างฉับไวและยอดเยี่ยม แต่ว่าหลังจากนั้นเมื่อ เยอรมัน ตั้งหลักได้มันก็เป็นเกมที่ไม่ได้เหนือการคาดเดา และถึงแม้ว่า เยอรมัน จะต้องเจอ "กำแพงสีขาว" ตั้งรับ 3 ชั้นที่ มาร์โก รอสซี่ กุนซืออิตาเลียน ติดตั้งให้กับลูกทีมแม็กยาร์สำหรับเกมนี้ ชั้นแรก บรรดาตัวรุก 3 รายในแดนหน้า วิ่งไล่ค่อยเพรสซิ่งลูก ชั้นสอง แผงกลาง 4 ราย ตั้งแถวยืนหน้าแนวหลัง ชั้นสาม เซนเตอร์แบ็ก 3 คน ตั้งกำแพงแนวสุดท้ายก่อนถึงประตู อย่างไรก็ตาม วางเกมตั้งรับอุดเกมอยู่ได้ไม่นาน เยอรมัน ก็เจาะตาข่ายนำได้เร็วอีกแล้วในเพียงนาที 22 เท่านั้น อย่างที่ว่า เยอรมัน เจาะ ฮังการี เข้าได้เร็วแค่นาที 22 จังหวะ อิลคาย กุนโดกัน ตามไปเก็บลูกแล้วคืนมาให้ จามาล มูเซียล่า ส่องตาข่ายเข้าไป กระนั้นที่เป็นปัญหาติดค้างสงสัย คือจังหวะที่ กุนโดกัน เข้าหาบอล ก็ดูเหมือนว่าเขาจะชน วิลลี่ ออร์บาน จากข้างหลังจน ออร์บาน ล้มหน้าทิ่ม และเมื่อ มูเซียล่า ยิงเข้าไปได้แล้วก็มีการรีเช็คจาก VAR ว่าประตูนี้ฟาวล์หรือไม่ฟาวล์ ปรากฏข้อสรุปว่า "ไม่ฟาวล์" และเป็นประตูนำของเจ้าถิ่น 1-0 ว่าแต่ มันไม่ฟาวล์จริงๆ แน่หรือ? พื้นที่ตรงนี้ไม่มีคำตอบชัดเจน และอยากโยนคำถามไปให้คุณๆ แทนว่าประตูนี้...
ก.) ต้องฟาวล์ เป็นประตูไม่ได้เด็ดขาด
ข.) ไม่ฟาวล์หรอก เป็นประตูแหงอยู่แล้ว
ค.) ก็ "เจ้าภาพ" อ่ะครับ
ก็ว่ากันไป…
