เกือบหลับแต่กลับมาได้! อิตาลี่โดนก่อน ไล่แซงแอลเบเนีย 2-1
อิตาลี่ โดน แอลเบเนีย ใส่ก่อนตั้งแต่ 23 วินาทีแรก จากการยิงของ นาดิม บายเรมี่ อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับมาได้ เมื่อ อเลสซานโดร บาสโตนี่ กับ นิโคโล่ บาเรลล่า ช่วยกันยิงคนละ 1 สกอร์ ช่วยให้ทีมพลิกแซง 2-1
เกมที่สนาม ซิกนัล อีดูน่า ปาร์ค รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B อิตาลี่ ลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 นิโคโล่ บาเรลล่า คุมแดนกลางร่วมกับ ลอเรนโซ่ เปลเลกรีนี่ และ จอร์จินโญ่ ส่วนแนวรุกให้ จานลูก้า สกามัคก้า ยืนเป็นหน้าเป้า ขนาบข้างด้วย เฟเดริโก้ เคียซ่า และ ดาวิเด้ ฟราตเตซี่
ฟากฝั่ง แอลเบเนีย ลงมาสู้ด้วยระบบ 4-3-3 แนวรุกให้ อาร์มานโด้ โบรย่า ผนึกกำลังกับ ยาเซียร์ อาซานี่ และ ทูลองต์ เซเฟรี่ ส่วนแดนกลางให้ นาดิม บายรามี่ รับผิดชอบร่วมกับ คริสต์ยาน อัสลานี่ และ เยลแบร์ รามาดานี่
เกมผ่านแค่ 23 วินาที จังหวะที่ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ แนวรับอิตาลี่ทุ่มคืนหลังไม่ดี นาดิม บายรามี่ วิ่งเข้าไปฉกบอลในเขตโทษ ก่อนจะกดด้วยขวาที่หน้ากรอบ 6 หลา ส่งบอลเสียบเสาแรก เป็นประตูให้ แอลเบเนีย ขยับออกนำ 1-0 และนั่นเป็นประตูที่เร็วที่สุด ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร
หลังตกเป็นรอง 0-1 อิตาลี่ เริ่มตั้งหลักได้ ผ่านไปถึงนาทีที่ 11 อิตาลี่ได้เตะมุมแล้วเล่นสั้น ลอเรนโซ่ เปลเลกรีนี่ ยกไปเสาไกลให้ อเลสซานโดร บาสโตนี่ โหม่งในกรอบ 6 หลา เป็นประตูให้ อัซซูรี่ ไล่ตามตีเสมอเป็น 1-1
หลังได้ประตูตีเสมอ อิตาลี่ ยังเดินหน้ากดดันต่อ ผ่านไปถึงนาทีที่ 16 ดิมาร์โก้ ได้โอกาสยิงในเขตโทษ แต่โดนกองหลังบล็อกได้ก่อน แต่บอลไหลไปเข้าทาง นิโคโล่ บาเรลล่า ได้ซัดด้วยขวาจากระยะ 20 หลา ส่งบอลเสียบเสาไม่เหลือ อัซซูรี่ แซงนำ 2-1 และจบเกม 90 นาที ด้วยสกอร์นั้นไปเลย
อิตาลี่ โดน แอลเบเนีย ใส่ก่อนตั้งแต่ 23 วินาทีแรก จากการยิงของ นาดิม บายเรมี่ อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับมาได้ เมื่อ อเลสซานโดร บาสโตนี่ กับ นิโคโล่ บาเรลล่า ช่วยกันยิงคนละ 1 สกอร์ ช่วยให้ทีมพลิกแซง 2-1
เกมที่สนาม ซิกนัล อีดูน่า ปาร์ค รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B อิตาลี่ ลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 นิโคโล่ บาเรลล่า คุมแดนกลางร่วมกับ ลอเรนโซ่ เปลเลกรีนี่ และ จอร์จินโญ่ ส่วนแนวรุกให้ จานลูก้า สกามัคก้า ยืนเป็นหน้าเป้า ขนาบข้างด้วย เฟเดริโก้ เคียซ่า และ ดาวิเด้ ฟราตเตซี่
ฟากฝั่ง แอลเบเนีย ลงมาสู้ด้วยระบบ 4-3-3 แนวรุกให้ อาร์มานโด้ โบรย่า ผนึกกำลังกับ ยาเซียร์ อาซานี่ และ ทูลองต์ เซเฟรี่ ส่วนแดนกลางให้ นาดิม บายรามี่ รับผิดชอบร่วมกับ คริสต์ยาน อัสลานี่ และ เยลแบร์ รามาดานี่
เกมผ่านแค่ 23 วินาที จังหวะที่ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ แนวรับอิตาลี่ทุ่มคืนหลังไม่ดี นาดิม บายรามี่ วิ่งเข้าไปฉกบอลในเขตโทษ ก่อนจะกดด้วยขวาที่หน้ากรอบ 6 หลา ส่งบอลเสียบเสาแรก เป็นประตูให้ แอลเบเนีย ขยับออกนำ 1-0 และนั่นเป็นประตูที่เร็วที่สุด ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร
หลังตกเป็นรอง 0-1 อิตาลี่ เริ่มตั้งหลักได้ ผ่านไปถึงนาทีที่ 11 อิตาลี่ได้เตะมุมแล้วเล่นสั้น ลอเรนโซ่ เปลเลกรีนี่ ยกไปเสาไกลให้ อเลสซานโดร บาสโตนี่ โหม่งในกรอบ 6 หลา เป็นประตูให้ อัซซูรี่ ไล่ตามตีเสมอเป็น 1-1
หลังได้ประตูตีเสมอ อิตาลี่ ยังเดินหน้ากดดันต่อ ผ่านไปถึงนาทีที่ 16 ดิมาร์โก้ ได้โอกาสยิงในเขตโทษ แต่โดนกองหลังบล็อกได้ก่อน แต่บอลไหลไปเข้าทาง นิโคโล่ บาเรลล่า ได้ซัดด้วยขวาจากระยะ 20 หลา ส่งบอลเสียบเสาไม่เหลือ อัซซูรี่ แซงนำ 2-1 และจบเกม 90 นาที ด้วยสกอร์นั้นไปเลย
