Welcome!

By registering with us, you'll be able to discuss, share and private message with other members of our community.

SignUp Now!

แกเร็ธ เซาธ์เกต กับภารกิจพาทีมชาติอังกฤษสอยแชมป์ยูโรเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

Pepsinews

Moderator
สมาชิกทีมงาน
Moderator
Registered
เข้าร่วม
15 มิ.ย. 2024
ข้อความ
415
1685952621169_7afb7ca7-d67e-40ad-965b-d572a7cae55c.jpg

แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า ตนเองและพลพรรค “สิงโตคำราม” ได้มอบมอบค่ำคืนที่ดีที่สุดในรอบ 50 ปีให้กับแฟนบอลเลือดผู้ดีทุกคน หลังจากเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ ไปด้วยสกอร์ 2-1 ในศึก ยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ชัยชนะดังกล่าวยังทำให้ อังกฤษ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการนี้เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งทีมของ เซาธ์เกต ก็มีลุ้นที่จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ ยูโร สมัยแรกมาครองหากเอาชนะคู่แข่งอย่าง สเปน ในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ เซาธ์เกต กล่าวหลังจบเกมว่า “ผมรับงานเพื่อพยายามพัฒนาฟุตบอลอังกฤษ และตอนนี้เราอยู่ในรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่สองแล้ว และผมเชื่อว่าเราได้มอบค่ำคืนที่น่าตื่นเต้นให้แฟนบอลตามที่พวกเขาคาดหวัง เรามอบค่ำคืนที่ดีที่สุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาให้กับพวกเขา ผมภูมิใจอย่างยิ่งกับสิ่งนั้น ผมดีใจมากถ้าทุกคนที่บ้านรู้สึกแบบที่เราเป็นวันนี้ แต่งานของเรายังไม่จบ เรามีบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมารออยู่ เราต้องตรียมตัว เรามาที่นี่เพื่อชัยชนะ และนั่นยังคงเป็นเป้าหมายของเรา”

เส้นทางการมาถึงรอบชิงฯของ อังกฤษ ไม่ได้ราบรื่นนัก พวกเขาชนะเกมเดียว และเสมอ 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้ายเอาชนะ สโลวาเกีย ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะเอาชนะจุดโทษ สวิตเซอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และเฉือน เนเธอร์แลนด์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง เซาธ์เกต กล่าวต่อว่า “เราทุกคนต้องการได้รับการยอมรับใช่ไหม เมื่อคุณกำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อประเทศของคุณ คุณเป็นคนอังกฤษและคุณภาคภูมิใจกับมัน แน่นอนคุณคงไม่รู้สึกว่าอยากมองย้อนกลับไป เพราะก่อนหน้านี้สิ่งที่คุณเจอมีแต่คำวิจารณ์ด้านลบ และมันยากที่จะทำเหมือนไม่สนใจมัน การได้ฉลองในการเข้าชิงชนะเลิศครั้งที่สองนั้นพิเศษมาก ถ้าผมไม่ได้อยู่ในสนาม ผมคงเฉลิมฉลองเหมือนแฟนบอลคนอื่น ๆ แต่ผมเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบทีม ดังนั้นการได้มอบค่ำคืนที่ดีกับแฟน ๆ มันพิเศษมาก เรามาที่นี่เพื่อชัยชนะ และแน่นอนเราต้องการเล่นกับทีมที่เก่งที่สุดในทัวร์นาเมนต์ (รอบชิงชนะเลิศ) เพราะเราเองยังอยู่ที่นี่และพร้อมสำหรับภารกิจสุดท้ายที่รอเราอยู่” ขณะที่ จู๊ด เบลลิ่งแฮม จอมทัพ เรอัล มาดริด ตั้งเป้าหมายว่า จะพยายามที่จะเป็นทีมชาติอังกฤษชุดแรกนับตั้งแต่ปี 1966 ที่คว้าถ้วยรางวัลใหญ่และขอสู้อย่างเต็มที่ในเกมนัดชิงฯ ที่จะต้องเจอกับ สเปน ดาวเตะวัย 21 ปี กล่าวว่า “ผมภูมิใจในตัวเพื่อนร่วมทีมทุก ๆ คนในเรื่องปฏิกิริยา ทัศนคติ และสภาพจิตใจ ส่วนคุณภาพก็เรื่องหนึ่ง แต่คุณลักษณะเหล่านั้นคุณไม่สามารถเรียนรู้ได้ในการฝึกซ้อม คุณได้รับมันจากประสบการณ์ ตอนนี้มันเป็นอีกเกมหนึ่งที่ผ่านไปแล้ว เราเหนื่อยมาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นฤดูกาลที่ยาวนาน แต่นี่เป็นแรงผลักดันครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศของเรา และประวัติศาสตร์ชาติ”

ด้าน ค็อบบี้ ไมนู กองกลางดาวรุ่งจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า “มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ เราทุกคนต่างก็ตื่นเต้น มันเป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ และเราได้สร้างผลงานที่ดี ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเราแล้ว และถึงเวลาที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเอง” แม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดเส้นทางตั้งแต่นรอบแบ่งกลุ่มมาจนถึงนัดชิงฯ แต่ เซาธ์เกต และลูกทีมก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาขอตั้งใจทำผลงานในสนามให้ดีที่สุด ซึ่งก็ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการเหลืออีกเพียงก้าวเดียวที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ ทัพสิงโตคำราม กับแชมป์ยุโรปสมัยแรกเสียที​
 
กลับ
บน