Welcome!

By registering with us, you'll be able to discuss, share and private message with other members of our community.

SignUp Now!

ข่าว สรุปผลยูโร 2024 ทุกคู่ค่ำคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

Pepsinews

Moderator
สมาชิกทีมงาน
Moderator
Registered
เข้าร่วม
15 มิ.ย. 2024
ข้อความ
415
667025509d9f6667025509d9f71718625616667025509d9f4667025509d9f5.jpg

ศึกยูโร 2024 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมามีลงทำการแข่งขันกัน 3 คู่โดยเป็นเกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี ระหว่าง ฝรั่งเศส ที่จะพบกับ ออสเตรีย และอีกสองคู่จาก กลุ่ม อี ทั้ง โรมาเนีย พบ ยูเครน และ เบลเยียม พบ สโลวาเกีย

ยูเครน 0-3 โรมาเนีย

(สตานคู 29 มาริน 53 ดรากัส 57)

เกมที่ ฟุตบอล อารีนา มิวนิค เป็น โรมาเนีย ที่พลิกล็อคนำก่อนจาก นิโคแล สตานคู ในนาทีที่ 29 จากนั้นครึ่งหลังในนาทีที่ 53 รัซวาน มาริน มาบวกลูกสองให้ทีมได้สำเร็จ ก่อนที่ 4 นาทีต่อมา เดนิส ดรากัส มายิงลูกสามส่ง โรมาเนีย พลิกล็อคเอาชนะ ยูเครน ไปได้ 3-0

เบลเยียม 0-1 สโลวาเกีย

(ชรานซ 7)

เกมที่ แฟรงค์เฟิร์ต อารีนา อิวาน ชรานซ์ ยิงให้ สโลวาเกีย ออกนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 7 หลังจากนั้น เบลเยียม พยายามโหมบุกอย่างหนัก และมีโอกาสส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้ถึงสองครั้งจาก โรเมลู ลูกากู ซึ่งถูก VAR จับล้ำหน้าและ แฮนด์บอลไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนจะจบ 90 นาทีไปด้วยชัยชนะสุดพลิกล็อคของ สโลวาเกีย ในที่สุด

ออสเตรีย 0-1 ฝรั่งเศส

(โวเบอร์ 38 [OG])

เกมที่ ดุสเซลดอร์ฟ อารีนา ช่วงแรกเป็น ฝรั่งเศส ที่ทำได้ดีกว่า แต่หลังจากนั้น ออสเตรีย ดูจะปรับตัวได้ดีขึ้นและเล่นได้คู่คี่สูสี ต้านทานเกมรุกของทีมตราไก่ได้ดี พลางครองบอลหาโอกาสเข้าทำได้เป็นระยะ แต่แล้วสุดท้ายต่างฝ่ายก็ทำได้แค่เกือบก่อนจะจบเกมไปด้วย 3 คะแนนของ ฝรั่งเศส แต่ก็แลกมาด้วยอาการบาดเจ็บของสตาร์อันดับหนึ่งอย่าง คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ที่จมูกแตกจนต้องเปลี่ยนตัวออกทันทีในช่วงท้ายเกม

เก็บตกประเด็นหลังเกมคู่ระหว่าง ฝรั่งเศส พบกับ ออสเตรีย

ก่อนหน้านี้ทีมชาติ อังกฤษ หนึ่งในตัวเต็ง ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปแบบการเล่นที่ดูไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่ เพราะหนักไปทางระมัดระวังตัวเองและเน้นผลการแข่งขัน และกับ ฝรั่งเศส ภายใต้การควบคุมของ ดีดิเยร์ เดส์ชองส์ ก็คงจะถูกวิจารณ์ไม่แพ้กันสำหรับนัดแรกของศึกยูโร 2024 แถมประตูชัยของพวกเขาดันเกิดจากจังหวะที่คู่แข่งโหม่งเข้าประตูตัวเองอีกต่างหาก เดส์ชองส์ พูดไว้ก่อนเกมว่า ทีมงานของเขาศึกษาการเล่นของ ออสเตรีย 4 เกมหลังสุด พวกเขาทราบดีว่าทีมของ ราล์ฟ รังนิค มีความแข็งแกร่งและน่ากลัว ที่สำคัญประมาทไม่ได้เป็นอันขาด อันที่จริงทัพ ''ตราไก่'' น่าจะชนะมากกว่านี้ แต่ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ กัปตันทีม ยิงหลุดออกกรอบไปอย่างน่าเหลือเชื่อจากจังหวะหลุดเดี่ยวในครึ่งหลัง อย่างไรก็ตาม เมื่อบวกเพิ่มไม่ได้ ก็อย่าเสีย และพวกเขาก็คว้าสามคะแนนสำคัญไปครอง และปิดงานของตัวเองได้สำเร็จ

ทีมเวิร์คของ ออสเตรีย

แม้ชื่อชั้น ออสเตรีย จะเป็นรอง ฝรั่งเศส อยู่มาก แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือฟุตบอลที่เล่นกันเป็นระบบของ ราล์ฟ รังนิค พวกเขาเล่นกันเป็นทีมไม่เห็นแก่ตัว ไม่พึ่งพานักเตะเพียงคน ๆ เดียว โดยอดีตกุนซือขัดตาทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ติดตั้งระบบ 4-2-3-1 ให้กับลูกทีม แผนของเขาคือ ให้นักเตะเพรสซิ่งใส่แข้งฝรั่งเศส เพื่อไม่ให้ตั้งเกมได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพรสในแดนกลางและแดนหลังของตัวเอง พวกเขาช่วยกันเล่นเกมรับและเกมรุก จัดระเบียบเกมรับได้ดี และมีสมาธิกับเกมสูงมาก พวกเขาหวงพื้นที่ของตัวเอง ไม่ต้องการเปิดพื้นที่หรือให้เวลาผู้เล่นที่มีความเร็วสูงอย่าง เอ็มบัปเป้ และ อุสมาน เดมเบเล่ มากนัก น่าเสียดายที่พวกเขามาพลาดท่าจากจังหวะที่ปราการหลังอย่าง มักซิมิเลียน วูเบอร์ โหม่งเข้าประตูตัวเองในช่วงท้ายครึ่งแรก​
 
กลับ
บน